DISCOVER
อาหารเหนือแท้ๆ เป็นยังไง? น่าจะเป็นคำถามของคนที่อยากลิ้มลองรสชาติแบบดั้งเดิมของอาหารในแต่ละถิ่นนั้นๆ อยากจะรู้เพราะอาหารเมืองที่เราทานกันอยู่ในทุกวันนี้ถูกปรับจนกลายเป็นรสชาติแบบที่คนต่างถิ่นกินได้ จนบางทีก็ผิดเพี้ยนจนไม่ทิ้งเค้าเดิม ดังนั้นเราจะขอเล่าที่มาที่ไปของอาหารแบบเหนือแท้ๆ กันพอสังเขป อย่างแรกคือเรื่องรสชาติอาหารเหนือแท้ๆ ออกจะติดไปทางเค็ม เพราะเกลือคือสิ่งที่บ่งบอกถึงฐานะของผู้คนในล้านนายุคก่อน ลองนึกถึงเมืองที่อยู่บนภูเขาห่างไกลจากทะเล 8 ร้อยกว่ากิโลในสมัยที่การเดินทางยังใช้การเดินเท้าและเกวียน ดังนั้นยิ่งมีเกลือก็ยิ่งฐานะดีและผู้มีฐานะดีย่อมมีเวลาและบริวารในการปั้นแต่งมื้ออาหารจนกลายมาเป็นต้นแบบทางวัฒนธรรมอาหารในเวลาต่อมา
อย่างที่สองเราต้องทำความเข้าใจว่าอาหารเมืองใช้วัตถุดิบที่แตกต่างจากความคุ้นเคยของคนภาคกลาง เช่น ถั่วเน่าแผ่นใช้แทนกะปิ, ผักพื้นและเครื่องเทศพื้นถิ่นบางอย่างก็ให้กลิ่นและรสชาติเฉพาะตัวมากๆ เช่น มะแข่วน ลูกจัน ดีปลี สมุมไพรเหล่านี้ล้วนมีกลิ่นหอมฉุนรุนแรง และเนื่องเป็นเมืองที่อยู่ติดป่าวัตถุดิบ โดยมากมักได้มาจากป่า ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจถ้าจะเห็น ตัวต่อ ตัวอ่อนผึ้ง แมงมัน ของป่าต่างๆ มาเป็นส่วนหนึ่งของวัตถุดิบ
อย่างที่สามกระบวนการปรุงและชื่อเรียกกรรมวิธีการประกอบอาหารนั้นๆ ที่มีเอกลักษณ์ของตัวเอง
‘แก๋ง’ ใช้เรียกรวมอาหารประเภทน้ำ
‘คั่ว’ เรียกอาหารที่ผัดกับน้ำมันและกระเทียมเจียว
‘จอ’ หนึ่งในวิธีปรุงผักที่คล้ายจับฉ่ายแต่ไม่ได้ทำจนเปื่อยเละมีการปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก
‘น้ำพริก’ ใช้พริก เกลือ หอม และกระเทียมเป็นหลัก แต่ก็เติมถั่วเน่าด้วย
‘ลาบ’ และ ‘หลู้’ ใช้เรียกอาหารที่ผ่านการสับละเอียดแล้วปรุงกับพริก แต่ว่าลาบใช้เรียกเนื้อสัตว์ปรุงสุก ส่วนหลู้เป็นอาหารดิบสด
‘ส้า’ คล้ายยำ แต่นำเครื่องปรุงต่างๆ ไปย่างไฟให้สุก ก่อนโขลกเครื่องปรุงทั้งหมดให้เข้ากัน คลุกเคล้ากับผักสด
‘แอ็บ’ คือเนื้อสัตว์คลุกเคล้ากับเครื่องปรุง จากนั้นนำไปห่อด้วยใบตอง แล้วนำไปปิ้งหรือนึ่ง
จากที่เล่ามาด้านบนอาหารเหนือแท้ๆ จึงกลายเป็นอาหารที่กินยาก ไม่ถูกปากสำหรับหลายคน หากไม่ชอบก็เกลียดไปเลย เอาเป็นว่าเพื่อความสบายลิ้น ก็อ่านไว้แค่พอรู้ ส่วนเรื่องกินเรากลับไปที่เมนูอาหารที่ถูกจริตกับลิ้นตามเดิม เราจะขอแนะนำร้านอาหารเหนือที่แท้บ้างไม่แท้บ้างแต่คิดว่าอร่อยถูกปากหลายๆ คนอย่างแน่นอน
SUGGESTION
ครัวดวงสมพงษ์
เฮือนเพ็ญ
ข้าวเงี้ยวตาบุญ
ลำดีตี้ขัวแดง
กาดสันคะยอม
อาหารหรือวิถีการกินของผู้คนนับเป็น “พลวัต” อย่างหนึ่งเราจึงเห็นได้ถึงการยักย้าย ถ่ายเท วัฒนธรรมอันติดมาพร้อมกับอาหารด้วย หนึ่งในวัฒนธรรมการกินที่มาฮิตติดลมบนในประเทศไทยอย่างหาสาเหตุไม่ได้นั่น คือ “คาเฟ่”
แต่เคยสงสัยกันมั้ยว่าจู่ทำไมถึงมีคาเฟ่สไตล์ต่างๆ ของหลายชนชาติเกิดขึ้นอย่างมากมายในเมืองไทยจุดร่วมอยู่ตรงไหนนอกจากการถ่ายรูปสวย เรื่องมันอาจเริ่มต้นขึ้นที่แพะเต้นได้ในเอธิโอเปีย เนื่องจากกินผลของต้นกาแฟเข้าไปนักเดินทางไปพบเข้า ก็เลยรู้ว่าผลของต้นไม้ชนิดนี้ช่วยให้สดชื่นกระปรี้กระเป่า ซึ่งนั่นก็เป็นผลดีต่อการเดินทาง ลองนึกภาพความน่าเบื่อของการเดินทางระยะไกลสมัยก่อนสิ แต่ผลสดก็เก็บรักษาไม่ได้นานวิธีถนอมอาหารที่ง่ายก็คือเอาเมล็ดมาคั่วเก็บไว้เพื่อให้มีใช้เคี้ยวแก้เบื่อไปตลอดการเดินทาง เราเขียนไม่ผิดการกินกาแฟในยุคแรกเริ่มใช้วิธีเคี้ยวทั้งเมล็ดนั่นแหละ ถัดมา นักเดินทางจากเอธิโอเปียได้นำกาแฟเข้าสู่ดินแดนตะวันออกกลางในตอนนี้กาแฟเริ่มมีวัฒนาการด้วยการนำไปต้มกับน้ำเดือดแต่ยังไม่มีการกรอกกากออก กาแฟสไตล์อาราเบียนจึงข้น ขุ่น และขม จากตะวันออกกลางเข้าสู่ยุโรปโดยการค้าขายและอย่างที่รู้ยุโรปเป็นเจ้าแห่งพิธีการ เครื่องดื่มแปลกหน้าจากต่างถิ่นจึงถูกนำมาปรับโฉมใหม่ด้วยการกรองกากออก เติมนมและน้ำตาล การริเริ่มเปลี่ยนแปลงการปรุงกาแฟครั้งนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งยุโรปผ่านทางพ่อค้าหลายชาติทั้งพ่อค้าชาวกรีก เลบานอน อาร์เมเนียน และพ่อค้าชาวคริสต์อื่นๆ ทำให้ชาวยุโรปหลายประเทศคิดค้นการปรุงกาแฟขึ้นหลากหลายวิธีทั้งการชง การคั่ว และการผสมกาแฟ เช่น เอสเปรสโซ (Espresso) ซึ่งเป็นกาแฟดำข้นแบบเร่งด่วนตามชื่อ กาแฟที่โรยผิวหน้าด้วยฟองนมอย่างคาปูชิโน (Cappuccino) หรือคาเฟ่ โอ เลต์ (Cafe au lait) ที่เป็นกาแฟใส่นม เป็นต้น
เมื่อรสชาติและหน้าตาเริ่มดีร้านที่ขายเครื่องดื่มชนิดนี้จึงมีเพิ่มขึ้นไปด้วย ความต้องการเมล็ดกาแฟจึงเพิ่มเป็นเท่าทวีคูณ แต่ในยุโรปไม่มีต้นกาแฟกลุ่มที่ผูกขาดทางการค้าเลยกลายเป็นพ่อค้าแถบตะวันออกลางซะงั้น จนมีชาวยุโรปหัวใสลักลอบนำต้นกาแฟเข้ามาและเพาะมันสำเร็จในเรือนกระจกแต่สภาพแวดล้อมในยุโรปก็ไม่ได้เหมาะกับต้นไม้ชนิดนี้ นอกจากยุโรปจะเป็นเจ้าแห่งพิธีการ ยังเป็นเจ้าแห่งการล่าอาณานิคมด้วยในเมื่อปลูกในเมืองหนาวไม่เวิค ก็ส่งมันไปปลูกที่พื้นที่อาณานิคมที่เมืองร้อนสิ และประเทศอาณานิคมของยุโรปอยู่ที่ไหน ก็โซนเอเชียของเรานี่ยังไงล่ะ เล่ากันมายาวน่าจะพอเห็นภาพการเดินทางของสิ่งที่เรียกว่ากาแฟ ซึ่งเป็นต้นกำเนิดแท้ของร้านคาเฟ่ เราจึงเห็นคาเฟ่สไตล์ยุโรป สไตล์ญี่ปุ่น สไตล์จีน และอื่นๆ อีกมากมายจุดร่วมมันก็ตามที่เล่ามาด้านบนนั่นล่ะ
จบในส่วนของที่มาถัดจากนี้ไปเราจะแนะนำจุดร่วมของชาวโซเชียวในศตวรรษที่ 21 นอกจากนั่งสบาย บรรยากาศดี มี wifi ให้ใช้ เหนือสิ่งอื่นใดควรถ่ายรูปออกมาแล้วสวย ขอแนะนำร้านชิคๆ ที่ควรไปแชะรูปอัพลงโซเชียว ดังต่อไปนี้